ใครมีแพลนจะไปเที่ยวต่างประเทศกันบ้าง? สำหรับในบ้านเรา สถานที่ยอดฮิตที่คนเลือกไปเที่ยวกันเยอะ ก็คงหนีไม่พ้น เกาหลี ญี่ปุ่น ที่ใกล้ๆ กับบ้านเรา แต่ก็มีอีกประเทศ ที่กลายเป็นหมุดหมายยอดฮิตใหม่ สำหรับนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน ที่หลายคนอยากจะลองไปเยือนดูสักครั้งในชีวิต นั่นคือ “สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” สำหรับคนที่สนใจอยากไปเที่ยวที่นี่ แต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้น หรือเตรียมตัวอย่างไรดี เราก็ขอทำหน้าที่เป็นไกด์ทัวร์ ตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง ไปจนถึงวันสุดท้ายของทริปกันเลย กับ “คู่มือเที่ยว สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” ฉบับสมบูรณ์ ต้อนรับปี 2023 นี้!
1. เมืองดูไบรัฐที่ใหญ่ที่สุดของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

หลายคนที่ได้ยินชื่อ “ดูไบ” ตามสื่อต่างๆ มักจะเข้าใจผิดว่า ดูไบ เป็นชื่อประเทศ แล้วเรียกกันไปเลยว่า ประเทศดูไบ แต่ความจริงแล้ว ดูไบคือ 1 ในรัฐทั้ง 7 ของประเทศ “สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates หรือ U.A.E.) ซึ่งดูไบ คือรัฐที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นั่นเอง
ดูไบ มีพื้นที่มากกว่า 4,000 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศแต่ดั้งแต่เดิมของดูไบนั้น เป็นดินแดนแห่งทะเลทรายเขตร้อนชื้น ที่ประกอบไปด้วยอุณหภูมิที่ร้อนสุดๆ ในตอนกลางวัน และจะหนาวสุดๆ ในตอนกลางคืน แต่ด้วยความเจริญก้าวหน้าอย่างสุดขีด ทำให้ดูไบไม่ได้เป็นดินแดนที่มีแต่ผืนทรายอีกต่อไป แต่กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มากไปด้วยความศิวิไลซ์ รองรับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองกว่า 2 ล้านคน ทำให้ดูไบเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้ามากมาย ที่ยังสามารถมองเห็นทะเลทรายงามๆ ได้อย่างชัดเจน และกลายเป็นดั่งศูนย์กลางแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไปในที่สุด
2.เที่ยวดูไบช่วงไหนได้บ้าง
เมื่อพูดว่า ดูไบคือดินแดนแห่งทะเลทราย ในหัวของเราน่าจะมีภาพของ ผืนทรายและสภาพอากาศที่ร้อนระอุ ต้องเดินหาแอ่งน้ำโอเอซิส เพื่อเอาชีวิตรอด แบบที่ได้ดูกันในหนังเป็นแน่แท้ แต่ความจริงแล้ว ดูไบไม่ได้มีแค่เฉพาะอากาศร้อนเท่านั้น เพราะดูไบเองก็เหมือนกับประเทศอื่นๆ ที่ใน 1 ปี จะประกอบไปด้วยหลายฤดู หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันเป็นไตรมาส ซึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ที่มีความคิดจะไปเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็ควรจะรู้ช่วงฤดูกาลของที่นี่กันไว้ก่อน เพื่อที่เราจะสามารถคาดการณ์ได้ว่า เราจะได้เจอกับสภาพอากาศแบบไหนกัน
สำหรับช่วงฤดูของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประกอบไปด้วย 4 ฤดูหลักๆ ได้แก่..
- ฤดูหนาว (Winter) ช่วงเดือน พฤศจิกายน ถึง กุมภาพันธ์ ถือเป็นช่วงที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวบ้านเราที่สุด ถ้าใครไม่อยากเผชิญกับอากาศร้อนจริงๆ โดยมีค่าเฉลี่ยอุณหภูมิอยู่ที่ 25-20 องศา (อากาศประมาณแอร์บ้านเรา)
- ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) ช่วงเดือน มีนาคม ถึง พฤษภาคม เป็นช่วงที่อากาศกำลังพอดีมากสำหรับทุกๆ กิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอกอาคาร มีค่าเฉลี่ยอุณหภูมิอยู่ที่ 23-31 องศา และเป็นช่วงฤดูกาลยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่จะไปเที่ยวดูไบเลยด้วย
- ฤดูร้อน (Summer) ช่วงเดือน มิถุนายน ถึง สิงหาคม นี่จะเป็นช่วงที่ถือว่าร้อนที่สุดของปีแล้ว มีค่าเฉลี่ยอุณหภูมิที่สูงได้มากสุดถึง 33-36 องศา เป็นช่วงที่เหมาะกับคนที่อยากสัมผัสสภาพอากาศของเมืองทะเลทรายเขตร้อนอย่างแท้จริง
- ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) ช่วงเดือน กันยายน ถึง ตุลาคม ค่าเฉลี่ยอุณหภูมิอยู่ที่ 33-29 องศา ถือเป็นช่วงที่อากาศกำลังจะค่อยๆ เปลี่ยนผ่านจากร้อนไปสู่หนาวในปีถัดไปแล้วนั่นเอง
3. วางแผนการเดินทางว่าจะเที่ยวกี่วัน
เมื่อเลือกช่วงฤดูกาลที่ตั้งใจจะไปได้แล้ว ทีนี้ก็มาลองดูว่า เราจะไปเที่ยวกี่วัน ซึ่งโดยส่วนมากแล้ว หลายคนน่าจะอยากไปสัมผัสความอลังการของดูไบและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กัน ในรูปแบบประสบการณ์พิเศษ “สักครั้งในชีวิต” แบบสูงสุดประมาณ 3 วันถึง 1 สัปดาห์ กำลังดี นี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับคนที่จะได้เดินทางทุกรูปแบบ และทานอาหารขึ้นของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แบบเต็มที่ แต่ก็อาจจะมีบางคนเช่นกันที่ อยากจะลองใช้ชีวิตแบบยาวๆ ท่องทะเลทราย ศึกษาประวัติศาสตร์ ดุจว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็อาจจะเลือกเที่ยวแบบยาวๆ 1 เดือนเต็มก็มีเช่นกัน (แต่ในกรณีหลัง คงต้องเป็นคนที่มีกำลังทรัพย์และเวลาเหลือจริงๆ ถึงจะทำได้ ซึ่งก็แล้วแต่ความสะดวก และงบประมาณของแต่ละคน)
ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องตรวจสอบระยะเวลาเที่ยวจาก Visa สำหรับเดินทางไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ของเราให้ดีก่อนด้วยนะเพื่อให้เรากำหนดวันเที่ยวของเราได้อย่างเหมาะสม ตามที่เราพอใจ ก่อนจะออกเดินทาง
4.วางแผนจัดโปรแกรมท่องเที่ยว
การกำหนดโปรแกรมเที่ยวในแต่ละวันนั้น เอาแบบสรุปอย่างง่ายเลยคือ ทุกคนสามารถกำหนดตารางการเที่ยวได้ ตามจำนวนวันที่เราต้องการเลย เอาไว้เป็นกำหนดการแบบคร่าว ๆ ว่า ในแต่ละวัน เราจะใช้เวลาไปกับสถานที่ใดบ้าง ตั้งแต่เข้าจนถึงค่ำ โดยศึกษาข้อมูลได้ง่ายๆ จากเว็บไซต์ท่องเที่ยว ไกด์ทัวร์ หรือ Vlog ของยูทูบเบอร์สายเที่ยวต่างๆ ที่เคยไปดูไบ หรือรัฐอื่นๆ ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มาก่อน ที่นอกจากจะทำให้เรารู้รายละเอียด ของสถานที่เที่ยวแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้เรา อยากจะไปสัมผัสบรรยากาศแบบนั้นบ้างอีกด้วย
ในส่วนของนครดูไบหมุดหมายหลักของใครหลายคนนั้นก็มีสถานที่ชื่อดังที่น่าเดินเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ไปชมการแสดงน้ำพุสุดอลังการหน้าตึก Burj Khalifa ตึกที่สูงที่สุดในโลก, ไปเยี่ยมชมสวนดอกไม้งามๆ เกินจินตนาการที่ Dubai Miracle Garden, ไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า Dubai Mall บนทางเดิน Sky Walk ที่สวยงามราวกับเดินอยู่บนอากาศ, ไปเยี่ยมชมดูประวัติศาสตร์และแนวคิดที่จะต่อยอดไปสู่อนาคตของดูไบ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ทั้งหมด แบบครบในคราวเดียวที่พิพิธภัณฑ์ Museum of the Future หรือจะไปเยี่ยมชมบรรดาน้องๆ สัตว์น้ำน้อยใหญ่ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ The Last Chambers และอื่นๆ อีกมากมาย
5.อย่าลืมประเมินค่าใช้จ่ายเบื้องต้น
เมื่อเดินทางต่างประเทศ สิ่งที่ต้องคำนึงแบบแทบจะเป็นปัจจัยแรกก็คือเรื่องค่าใช้จ่ายนั่นเอง โดยเฉพาะกับประเทศที่หลายคนไม่ได้คิดว่าจะได้ไปบ่อยๆ อย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้วย โดยสิ่งหนึ่งที่เราต้องคำนึงเอาไว้ก่อนจะไปก็คือ “สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของโลก ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง ฉะนั้นค่าใช้จ่ายแต่ละอย่าง จะค่อนข้างสูง เป็นปกติ” ซึ่งสำหรับการไปเที่ยวที่นี่ การมี Pocket Money ที่พร้อม ก็คือการเตรียมตัวเที่ยวที่ดีที่สุดแล้ว
โดยสำหรับค่าใช้จ่าย ที่เราต้องเตรียมให้พร้อม ก็มีดังนี้..
1. ค่าตั๋วเครื่องบิน – ราคาตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ จาก กรุงเทพ-ดูไบ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 32,000 บาท ต่อ 1 ที่นั่ง (เป็นราคาของที่นั่งชั้นประหยัด Economy Class)
2. ค่าทำ e-Visa – ค่าใช้จ่ายในการขอทำ Visa แบบออนไลน์สำหรับท่องเที่ยวในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สำหรับคนไทย ก็อยู่ที่ 4,000 บาทต่อคน (โดยต้องทำหลังจากจองตั๋วเครื่องบินได้แล้ว)
3. ค่าที่พักต่อคืน – โดยทั่วไป ที่พักแบบปกติจะมีค่าที่พักต่อคืน อยู่ที่ประมาณ 2,500 บาท
4. ค่าอาหารต่อวัน – เอาแบบเต็มที่สำหรับคนเดียว ก็จะไม่เกิน 3,000 บาท ครบทุกมื้ออาหารได้แบบ เช้า กลางวัน เย็น แต่เรื่องนี้ก็แล้วแต่เราเองด้วยว่าจะเลือกทานอาหารในรูปแบบไหนบ้าง
5. ค่าเดินทางต่อวัน – ที่นี่จะมีวิธีการเดินทางหลากหลายรูปแบบให้เลือก โดยแบบที่ประหยัดและสะดวกที่สุดก็คือ เดินทางด้วยรถไฟฟ้า โดยราคาในการเดินทาง ไป-กลับ แต่ละวันจะตกอยู่ครั้งละประมาณไม่เกิน 500 บาท
6. ค่าเข้าชมสถานที่เที่ยว – มีสถานที่หลากหลายรูปแบบให้เราได้เลือกเดินเที่ยวเล่น ซึ่งมาพร้อมกับค่าใช้จ่าย ค่าเข้าชม รวมถึงสินค้ามากมายช็อปปิ้งกัน ซึ่งเราควรจะมีเงินเที่ยวติดตัวไว้สัก 1,000-3,000 บาทเป็นอย่างต่ำ ไว้สำหรับใช้จ่ายในแต่ละที่ (ใครเป็นสายช็อปจริงๆ เชื่อว่าหมดเยอะแน่ๆ)
7. ค่าประกันการเดินทาง – อย่างสุดท้ายที่ลืมไม่ได้เลย คือค่าประกันการเดินทางเผื่อในกรณีที่เราเจออุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วยโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ก็สามารถใช้สิทธิ์ประกันนักท่องเที่ยว รักษาตัวที่โรงพยาบาลได้เลย น
6.เลือกและจองที่พักล่วงหน้า
การเลือกที่พักที่ดูไบรวมถึงรัฐอื่นๆ ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ได้รับความนิยมที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวก็คือ โรงแรม เนื่องจากคนส่วนใหญ่มักจะเลือกไปเที่ยวในย่านใจกลางเมือง ซึ่งมีโรงแรมมากมาย หลากหลายเกรด ให้เลือกพักกันแบบเยอะมาก ทั้งโรงแรมแบบราคาประหยัด ที่มีราคาต่อคืนไม่สูงมาก เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวโดยทั่วไป กับโรงแรมระดับ VIP หรูหราไฮโซ มีบริการรองรับทุกอย่างที่เราต้องการ ที่มีราคาต่อคืนสูงมาก เหมาะสำหรับคนที่มีกำลังทรัพย์เหลือเฟือจริงๆ เท่านั้น
สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป เราแนะนำให้เลือกจองที่พัก ที่เน้นความสะดวกในการเดินทางเป็นหลัก จะดีที่สุด ที่พักราคาแพง ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป บางครั้งคุณอาจเจอปัญหาที่ไม่คาดคิด เช่น ค่าภาษีที่แพงกว่าปกติ หรือตั้งอยู่ในที่ที่ห่างไกลจากรถโดยสารประจำทางมากเกินไป เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ก็ควรศึกษาข้อมูลที่พักให้ดีก่อนตัดสินใจ
7.การซื้อตั๋วเครื่องบินและเลือกสายการบิน
สำหรับการซื้อตั๋วเครื่องบิน มีขั้นตอนที่สะดวกและทำความเข้าใจได้ไม่ยากเลย ซึ่งสายการบินที่สะดวกและปลอดภัยที่สุด เราก็ขอแนะนำให้ทุกคนเลือกใช้บริการกับสายการบิน Emirates Airlines ซึ่งเป็นสายการบินประจำชาติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่จะส่งเราถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย โดยข้อดีคือ นอกจากจะ Check in ได้อย่างสะดวกรวดเร็วแล้ว ยังรองรับการใช้งาน e-Visa หรือวีซ่าออนไลน์เป็นอย่างดีอีกด้วย ทั้งนี้สามารถเข้าไปดูรายละเอียดของที่นั่งชั้นต่างๆ ของ Emirates Airlines กันได้ ผ่านทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ https://www.emirates.com/th/thai กันได้เลย (เว็บไซต์รองรับภาษาไทย)
8.การทำวีซ่าออนไลน์ (e-Visa)
เมื่อทำการจองตั๋วเครื่องบินได้แล้ว ก็มาดูที่เรื่องของวีซ่ากันบ้าง โดยในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวมีทางเลือกที่สะดวกรวดเร็วมากขึ้นกว่าในอดีต คือการทำ “วีซ่าแบบออนไลน์” หรือ e-Visa ให้เราสามารถยื่นขอวีซ่าผ่านเว็บไซต์ได้แบบง่ายๆ แม้ว่าในหลายประเทศ จะยังไม่รองรับการใช้ e-Visa แต่เป็นโชคดีสำหรับคนที่นี่ เพราะทางสายการบิน Emirates Airlines รองรับ e-Visa สำหรับผู้ที่จะเข้าสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ทุกคน!
โดยสามารถเข้าไปดูรายละเอียดและขั้นตอนการยื่นเรื่องทำ e-Visa กันได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการคือhttps://www.thaievisa.go.th (เว็บไซต์ไม่รองรับภาษาไทย สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ ผ่านทางเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศได้ที่ https://www.mfa.go.th/th/index)
9.ตรวจสอบทุกอย่างอีกครั้ง
ก่อนจะออกเดินทางสู่แผ่นดินสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มาสรุป Checklist สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมตัวกันอีกที!
1. กำหนดช่วงฤดูกาลที่จะเที่ยว
2. กำหนดจำนวนวันเที่ยว
3. กำหนดโปรแกรมเที่ยวในแต่ละวัน
4. เตรียมพร้อมค่าใช้จ่ายให้เรียบร้อย
5. จองที่พักให้เหมาะสมและคุ้มค่า
6. จองตั๋วเครื่องบินให้พร้อม
7. ยื่นเรื่องทำ e-Visa ให้ถูกต้อง
8. ตรวจสอบที่เที่ยวและกิจกรรมต่างๆ ให้ดี
9. ทำประกันนักท่องเที่ยวให้พร้อม
10. เตรียมเอกสารทุกอย่างให้ครบถ้วน
เมื่อทำทุกอย่างครบหมดแล้ว การเดินทางไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็สามารถรับประกันความปลอดภัย อุ่นใจ ระหว่างการเดินทางได้แล้ว ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับเซ้นส์ในฐานะนักท่องเที่ยวของแต่ละคนแล้วว่า จะใช้ช่วงเวลาที่มีอย่างไร ให้คุ้มค่าและประทับใจที่สุด!