เมืองที่ร่ำรวยส่วนใหญ่มักเป็นจุดศูนย์กลางของนวัตกรรมความก้าวหน้าของมนุษย์ ศูนย์รวมโอกาส และสามารถดึงดูดเศรษฐีเข้ามาด้วยเหตุผลหลายประการด้วยกัน ไม่ว่าจะทางธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ สถาบันการศึกษา สถานพยาบาล หรือต้องการสัมผัสสภาพแวดล้อมที่เหนือชั้นกว่าใคร ๆ โดยแต่ละปีจะมีรายงานจัดอันดับเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในโลกโดยวัดจากจำนวนเศรษฐี (ผู้มีทรัพย์สินมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) มหาเศรษฐี (ผู้มีทรัพย์สินมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และอภิมหาเศรษฐี (ผู้ที่มีทรัพย์สินมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้นว่ามีสถานะทางการเงิน หรือกิจกรรมทางเศรษฐกิจระดับประเทศที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนมาสำรวจ 10 อันดับเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ปี 2023 กัน
นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา

เนื่องด้วยจำนวนเศรษฐีที่มากถึง 345,600 คน มหาเศรษฐี 737 คน และอภิมหาเศรษฐี 59 คน ที่มีทรัพย์สินส่วนมูลค่ามากกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ บวกกับในเมืองนิวยอร์กนั้นยังเป็นที่ตั้งของตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของโลกตามมูลค่าราคาตลาด รวมถึงเมืองนิวยอร์กยังเป็นเมืองที่ถือว่ามีอสังหาริมทรัพย์มูลค่าและค่าเช่าสูงลิบลิ่วอีกด้วย ฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมเมืองนิวยอร์กถึงถูกจัดอันดับให้กลายเป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในโลกอันดับ 1
โตเกียว, ญี่ปุ่น

เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นอย่างเมืองโตเกียวนั้นถือเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นและเป็นหนึ่งในมืองที่สำคัญที่สุดในวงการธุรกิจและการเงิน มีเศรษฐีอาศัยอยู่มากถึง 304,900 มหาเศรษฐี 263 คน และอภิมหาเศรษฐี 12 คน ขณะเดียวกันโตเกียวยังเป็นที่ตั้งของตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย ศูนย์กลางการธนาคาร และการประกันภัยที่สำคัญแห่งหนึ่งในเอเชีย และโดดเด่นด้วยการเป็นที่ตั้งของบริษัทข้ามชาติหลายแห่งที่เราคุ้นหูคุ้นตากันเป็นอย่างดี เช่น Honda Sony
ซานฟรานซิสโก, สหรัฐอเมริกา

สำหรับเมืองซานฟรานซิสโกนั้นเป็นหนึ่งในเมืองสหรัฐอเมริกาที่มีคนรวยกระจุกตัวอยู่ค่อนข้างมาก เพราะเป็นศูนย์กลางของบริษัทนวัตกรรมเทคโนโลยีนต่าง ๆ โดยเฉพาะบริเวณ Silicon Valley หรือหุบเขาแห่งเทคโนโลยี ศูนย์รวมบริษัท Start Up ต่าง ๆ ที่มีแนวโน้มดึงดูดเศรษฐีที่สนใจลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งซานฟรานซิสโกนั้นมีเศรษฐี 276,400 คน มหาเศรษฐี 623 คน และอภิมหาเศรษฐี 62 คน ทั้งยังมีการจัดอันดับว่าเมืองซานฟรานซิสโกนั้นมีรายได้ครัวเรือนเฉลี่ยสูงสุดในประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
ลอนดอน, อังกฤษ

กรุงลอนดอนเป็นเมืองที่ไม่เพียงแต่จะถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุด และมีค่าครองชีพแพงที่สุดในสหราชอาณาจักรแล้ว ยังถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในโลกอันดับที่ 4 อีกด้วย โดยพิจารณาจากจำนวนเศรษฐี 272,400 คน มหาเศรษฐี 406 คน และอภิมหาเศรษฐี 38 คน ที่หลั่งไหลเข้ามาทำธุรกิจและตั้งรกรากที่กรุงลอนดอนนี้เพื่อสัมผัสความมั่งคั่งและหรูหราฉบับผู้ดีสไตล์อังกฤษ สังเกตได้จากคนดังระดับโลก และสมาชิกราชวงศ์หลาย ๆ พระองค์ที่ก็อาศัยอยู่ในลอนเช่นกัน
สิงคโปร์

สำหรับสิงคโปร์นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ business-friendly ที่สุดในโลกแห่งหนึ่งจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมเหล่าเศรษฐีจากทั่วทุกมุมโลกถึงมากระจุกตัวในประเทศเล็ก ๆ ในแถบเอเชียแห่งนี้ จนกลายเป็นเมืองที่มีเศรษฐีหนาแน่นที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย ซึ่งมีเศรษฐีมากถึง 249,800 คน มหาเศรษฐี 336 คน และอภิมหาเศรษฐี 26 คน ทำให้สิงคโปร์เป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับสองในเอเชียรองจากโตเกียวเลยทีเดียว โดยสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้สิงคโปร์กลายเป็นเมืองที่ติดอันดับเมืองที่รวยที่สุดในโลกนั้นก็เป็นเพราะการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งมาก ๆ บวกกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจเอื้ออำนวยกันและกันเป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นเมืองที่มีความเสถียรภาพทางการเมืองที่มั่นคง อัตราการเกิดอาชญากรรมนั้นก็ต่ำ และมีมาตรฐานการครองชีพที่สูง ทำให้สิงคโปร์กลายเป็นจุดศูนย์กลางทางธุรกิจที่น่าลงทุนและเป็นเมืองที่น่าอยู่อาศัยไม่น้อยเลย
ลอสแองเจลลิส, สหรัฐอเมริกา

ลอสแองเจลลิส หรือแอลเอ นั้นเราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีในฐานะที่เป็นศูนย์กลางความบันเทิงของโลก โดยเฉพาะฮอลลีวูดที่กลายเป็นแหล่งเช็คอินยอดนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก ขณะเดียวกันลอสแองเจลลิสยังเป็นเมืองที่ใหญ่และมีประชากรมากที่สุดเมืองหนึ่งของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย สำหรับที่กระจุกตัวของเหล่าเศรษฐีในลอสแองเจลลิสนั้นจะอยู่ที่ Malibu Beverly Hills Laguna Beach และ Santa Monica ประกอบไปด้วยเศรษฐี 192,400 คน มหาเศรษฐี 393 คน และอภิมหาเศรษฐี 34 คน
ชิคาโก้, สหรัฐอเมริกา

ชิคาโก้เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศสหรัฐอเมริกาอัดแน่นด้วยประชากรกว่า 2.7 ล้านคน และในนั้นมีเศรษฐีมากถึง 160,100 คน มหาเศรษฐี 340 คน และอภิมหาเศรษฐี 28 คน ซึ่งสิ่งที่ดึงดูดเศรษฐีเหล่านี้ให้มากระจุกตัวกันที่ชิคาโก้นั้นก็เป็นเพราะความหลากหลายทางเศรษฐกิจที่มีความแข็งแกร่งในหลาย ๆ ภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมแปรรูอาหาร ประกันภัย การขนส่ง บริหารทางการเงิน หรือการค้าต่าง ๆ ทั้งยังมีบริษัทยักษ์ใหญ่ติดอันดับ Fortune 500 กว่า 35 แห่งเลยทีเดียว
ฮิวสตัน, สหรัฐอเมริกา

ตลอด 20 ปีที่ผ่านมานั้นเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัสได้กลายเป็นเมืองที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดของโลกในแง่ของความมั่งคั่งร่ำรวย โดยมีเศรษฐี หรือผู้มีทรัพย์สินมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐถึง 132,600 คน มหาเศรษฐี 314 คน และอภิมหาเศรษฐี 25 คน บวกกับปัจจัยทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ภายในเมืองทำให้เมืองมีการเติบโตรวดเร็วและกลายเป็นหนึ่งในเมืองที่ร่ำรวยที่สุดของโลกในที่สุด
ปักกิ่ง, จีน

เมืองหลวงของสาธารณะประชาชนจีนอย่างปักกิ่งนั้นก็ถูกจัดให้เป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในโลกเช่นกัน โดยพิจารณาจากจำนวนเศรษฐี 131,500 คน มหาเศรษฐี 363 คน และอภิมหาเศรษฐี 44 คนที่อาศัยในเมืองนี้ โดยปักกิ่งนั้นเป็นที่ตั้งของสำนักงานบริษัทยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ ของจีนเกือบทั้งหมด ทำให้ปักกิ่งกลายเป็นที่กระจุกตัวของนักธุรกิจ และเศรษฐีผู้ร่ำรวยต่าง ๆ มากไปกว่าการเป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดติด Top 10 ของโลกแล้ว ปักกิ่งยังเป็นเมือง Top 3 ที่มีจำนวนอภิมหาเศรษฐี หรือผู้ที่มีทรัพย์สินส่วนตัวมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐมากที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 3 รองจากมหานครนิวยอร์ก และเมืองซานฟรานซิสโกอีกด้วย
เซี่ยงไฮ้, จีน

ขณะที่ปักกิ่งเมืองหลวงของจีนนั้นเป็นศูยน์กลางทางวัฒนธรรมและการเมือง เมืองเซี่ยงไฮ้นั้นก็จะเป็นที่รู้จักกันอย่างดีในฐานะที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินการค้าของประเทศจีน และเป็นเมืองที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุน นักธุรกิจ รวมไปถึงนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ใกล้ ๆ กันนั้นเป็นที่ตั้งของ Alibaba และธุรกิจในเครือ Ant Group จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีประชากรที่ร่ำรวยเพิ่มขึ้นเป็นดอกเห็ดขนาดนี้ โดยอุตสาหกรรมหลักที่นิยมทำกันในเซี่ยงไฮ้นั้นได้แก่ การท่องเที่ยว การผลิตเคมีภัณฑ์และเหล็กกล้า รวมไปถึงเป็นที่ตั้งของตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกอีกด้วยเมื่อคำนวณตามมูลค่าตลาด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เซี่ยงไฮ้ถูกจัดเป็นหนึ่งในเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในโลกด้วยจำนวนเศรษฐี 130,100 คน มหาเศรษฐี 350 คน และอภิมหาเศรษฐี 42 คน
และสำหรับมหานครดูไบแห่งประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่หลายคนอาจเดาไว้ว่าน่าจะติดโผ 10 อันดับเมืองร่ำรวยที่สุดในโลก เพราะมีตึกระฟ้าที่สูงใหญ่หรูหรา ผู้คนไฮโซโก้หรูนั้น กลับถูกจัดให้เป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 23 ด้วยเศรษฐีกว่า 67,900 คน มหาเศรษฐี 202 คน และอภิมหาเศรษฐีเพียง 13 คนเท่านั้น ซึ่งแม้ว่าดูไบจะหลุดโผ 1 ใน 10 เมืองที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปี 2023 ไปนั้น แต่ถ้าเมื่อเทียบกับเมืองในภูมิภาคตะวันออกกลางแล้วดูไบก็ถือเป็นอันดับ 1 มาโดยตลอด และในอนาคตปี 2030 อันใกล้นี้ ดูไบก็ถูกคาดการณ์ว่าจะสามารถไต่ระดับเป็น 1 ใน 20 เมืองที่ร่ำร่วยที่สุดในโลกได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถิติความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ทางการเงินของเมือง และการเติบโตทางการค้าของเมืองดูไบ (https://www.siasat.com/dubai-ranks-1st-regionally-23rd-globally-as-worlds-wealthiest-city-2413574/)
https://www.visualcapitalist.com/top-20-cities-ultra-wealthy/